การนมัสการ
การนมัสการแท้จริงเป็นวิถีชีวิตที่ยกย่องพระเจ้าและยอมจำนนต่อพระเจ้าด้วยความยินดี
โคโลสี 3:16-17 16จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน 17และเมื่อท่านทั้งหลายทำสิ่งใดไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือด้วยการประพฤติ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดา โดยทางพระองค์
การนมัสการเป็นทั้งการร้องเพลงและเป็นทั้งวิถีชีวิตที่นบนอบต่อพระเจ้า หากทั้งชีวิตเรานมัสการพระเจ้า ยอมให้พระเจ้าเป็นเจ้านายในชีวิต ทุกๆ สิ่งในชีวิตเราย่อมเป็นที่พอพระทัยพระเจ้ารวมทั้งการร้องเพลงนมัสการด้วย
บทเรียนครั้งนี้จะพูดถึงการนมัสการที่เป็นทั้ง “การร้องเพลง” และเป็น “การแสดงออกของชีวิตที่ยกย่องพระเจ้า” ไปด้วยกัน
การนมัสการด้วยชีวิตเป็นอย่างไร
1. นบนอบต่อพระเจ้า
โมเสสแสดงออกถึงท่าทีนบนอบต่อพระเจ้าอย่างถึงที่สุดในใจ จึงกราบลงถึงดินนมัสการ
อพยพ 34:8 โมเสสจึงรีบกราบลงถึงดินนมัสการ
2. เชื่อฟังพระดำรัสของพระเจ้าในวิถีชีวิต
โคโลสี 3:16 จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน
3. รับใช้พระเจ้า
คนที่รักพระเจ้า มีชีวิตที่นบนอบ เชื่อฟังพระเจ้า เขาจะปรารถนารับใช้พระเจ้าอย่างเป็นธรรมชาติ
อพยพ 3:12พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าแน่ นี่เป็นหมายสำคัญให้เจ้ารู้ว่าเราใช้เจ้าไป คือเมื่อเจ้านำประชากรออกจากอียิปต์แล้ว เจ้าทั้งหลายจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้”
นิยามของการนมัสการด้วยชีวิต ทำให้การนมัสการไม่จำกัดเฉพาะการร้องเพลงในวันอาทิตย์หรือวันใดใด แต่คือวิถีชีวิตทั้งหมดของคริสเตียนที่นบนอบยอมจำนนต่อพระเจ้า และแสดงออกมาในทุกๆ ทางนั่นเอง
การนมัสการพระเจ้าด้วยเสียงเพลงเป็นอย่างไร
หากท่าทีในใจของเรานบนอบต่อพระเจ้า การแสดงออกทั้งชีวิตก็เพื่อยกย่องพระเจ้า
การร้องเพลงนมัสการในคริสตจักร
จะช่วยให้เราเกิดประสบการณ์ดื่มด่ำในจิตวิญญาณได้อย่างแน่นอน
เมื่อหัวใจของเราจดจ่ออยู่กับพระเจ้า ตัวช่วยที่ดีเยี่ยมคือบทเพลง, ดนตรี, บรรยากาศการนมัสการที่ส่งเสริมความหมายของบทเพลง, การแสดงออกภายนอกต่างๆ ที่พอดีๆ เป็นธรรมชาติ โดยนิยามนี้ทำให้เราสามารถมีอิสระที่จะสร้างสรรค์การนมัสการได้อย่างร่วมสมัยไม่ติดอยู่กับรูปแบบของวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง
การแสดงออกของการนมัสการซึ่งคริสตจักรส่วนใหญ่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันได้ประยุกต์จากรูปแบบที่ถูกเขียนไว้ในพระคัมภีร์โดยเฉพาะพระธรรมสดุดี ซึ่งได้แก่
1. การร้องเพลง
อพยพ 15:1 ขณะนั้นโมเสสกับชนชาติอิสราเอลร้องเพลงบทนี้ถวายพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพระองค์จะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง พระองค์ทรงกวาดม้าและพลม้าลงในทะเล
สดุดี 66:4 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะนมัสการพระองค์ เขาทั้งหลายจะร้องเพลงสดุดีพระองค์ ร้องเพลงสดุดีพระนามของพระองค์
2. การยืนให้เกียรติพระเจ้า
สดุดี 135:1-2 สรรเสริญพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์ บรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เอ๋ย จงสรรเสริญเถิด บรรดาผู้ที่ยืนอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้าของเรา
3. การแสดงออกในความยินดีด้วยรูปแบบต่างๆ
อาจเป็นการเต้นรำ ยิ้ม หัวเราะ ปรบมือ ชูมือ โบกมือ โห่ร้อง คุกเข่า ฯลฯ
สดุดี 47:1 ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงตบมือ จงโห่ร้องถวายแด่พระเจ้าด้วยเสียงยินดี
สดุดี 81:1 จงร้องเพลงด้วยความยินดีถวายแด่พระเจ้า พระกำลังของพวกเรา จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระเจ้าของยาโคบ
4. การนมัสการด้วยความสงบ
สดุดี 131:2 แต่ข้าพระองค์ได้สงบและระงับจิตใจของข้าพระองค์ อย่างเด็กที่หย่านมแล้วสงบอยู่ที่อกมารดาของตน จิตใจของข้าพระองค์สงบอยู่ภายในข้าพระองค์ อย่างเด็กที่หย่านมแล้ว
การนมัสการที่แท้จริงจะต้องรู้สึกสัมผัสบรรยากาศแห่งการทรงสถิตของพระเจ้าด้วย เหมือนได้ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าจริงๆ เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์ พระเจ้าทรงแสวงหาผู้ที่นมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง และเมื่อเรานมัสการพระเจ้าด้วยหัวใจ เราก็จะแสดงออกภายนอกอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นท่าทางของเรา ความรู้สึกบนใบหน้าของเรา น้ำเสียงของเราในการร้องเพลงนมัสการ การแสดงออกต่างๆ ตามพระคัมภีร์ก็จะออกมาอย่างสอดคล้องกับข้างในจิตใจ นั่นเป็นการนมัสการที่พระเจ้าทรงปรารถนา
ข้อแนะนำในภาคปฏิบัติเพื่อพัฒนาการนมัสการในคริสตจักรให้ดียิ่งขึ้น
1. หมั่นฝึกฝนร้องเพลงนมัสการ
ปัจจุบันเรามีสื่อมากมายที่สามารถช่วยให้เราฝึกร้องเพลงนมัสการได้ โดยเฉพาะใน YouTube มีเพลงนมัสการมากมายที่คริสตจักรใช้อยู่เป็นประจำ เพียงแต่เราจำชื่อเพลง แล้วไป search หาใน YouTube จะพบเพลงที่เราต้องการ หากเราเปิดฟัง ฝึกร้องตามเป็นประจำก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการนมัสการในชีวิตส่วนตัว กลุ่มสร้างชีวิต และคริสตจักร
2. เริ่มนมัสการในชีวิตส่วนตัว และในครอบครัว
ให้การนมัสการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในการเข้าเฝ้าพระเจ้าแต่ละวันของท่าน หากการนมัสการในชีวิตส่วนตัวดี การนมัสการในระดับชุมชนจะยิ่งดียิ่งขึ้นเพราะท่านได้คุ้นเคยกับการจดจ่อกับพระเจ้าในทุกๆ วันอยู่แล้ว
3. เห็นคุณค่าการนมัสการในกลุ่มแคร์และคริสตจักร
พยายามอย่างเต็มที่ในการมาแคร์และคริสตจักรให้ทันช่วงนมัสการ ไม่มองการนมัสการเป็นเรื่องเสียเวลา ให้มองเป็นโอกาสพิเศษที่เราจะเข้ามาใกล้พระเจ้า พัฒนาความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้า
4. กล้าแสดงออกจากใจ
คนไทยมักชอบเก็บความรู้สึก การนมัสการแบบเงียบๆ อาจสัมผัสพระเจ้าในมิติเดียว แต่การแสดงออกจากใจโดยไม่กังวลว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร จะช่วยเราให้เข้าไปสู่มิติของการติดสนิทกับพระเจ้าได้อย่างลึกซึ้งขึ้น ฉะนั้นหากเราเริ่มตอบสนองพระเจ้าอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการชูมือ, คุกเข่า, โยกตัว, กระโดดโลดเต้นไปกับการนมัสการ หรืออื่นๆ ที่มาจากใจที่แท้จริง เราอาจกำลังก้าวสู่มิติใหม่ๆ ในการนมัสการที่มีความลึกซึ้งมากขึ้นก็เป็นไป
หากท่าทีในใจของเรานบนอบต่อพระเจ้า การแสดงออกทั้งชีวิตก็เพื่อยกย่องพระเจ้า
การร้องเพลงนมัสการในคริสตจักร
จะช่วยให้เราเกิดประสบการณ์ดื่มด่ำในจิตวิญญาณได้อย่างแน่นอน
ผู้เขียน: อจ. ดร.กนก ลีฬหเกรียงไกร
อ้างอิง
- แก่นแท้ของการนมัสการตามหลักการพระคัมภีร์. กรุงเทพฯ : คริสตจักรกิจการของพระคริสต์.กันยายน 2016.
- ฝ่ายวิชาการ. สัมมนาหัวหน้าแคร์-การนำนมัสการ. กรุงเทพฯ: คริสตจักรกิจการของพระคริสต์. มิถุนายน
- เกรแฮม สีด. พระเจ้าทรงครอบครองอยู่. กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, 1991.
- A History of Christian Worship: Ancient Ways, Future Paths. Worship Leader Magazine’s 2012 Editor’s Pick.