บทเรียน ซีรีส์พื้นฐานชีวิตคริสเตียน บทที่ 3 : คริสตจักร ชุมชนแห่งพระพร
คริสตจักร ชุมชนแห่งพระพร
กิจการของอัครทูต 2:44-47 44คนทั้งหมดที่เชื่อถือก็อยู่รวมกัน และนำทุกสิ่งมารวมเป็นของกลาง 45และพวกเขาขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของมาแบ่งให้แก่กันตามความจำเป็น 46ทุกๆ วัน พวกเขาอุทิศตัวอยู่ด้วยกันในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้านของพวกเขา รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ 47ทั้งสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน
พระคัมภีร์ใหม่ให้น้ำหนักของการดำเนินชีวิตในชุมชนไว้มากมายทั้งบทบาทของผู้นำและสมาชิกในคริสตจักรท้องถิ่น การใช้ชีวิตในคริสตจักรทำให้ผู้เชื่อจำเริญเติบโตขึ้น คริสตจักรไม่ใช่ที่ของคนสมบูรณ์ พระเจ้าทรงสร้างเราผ่านกันและกันในความไม่สมบูรณ์เพื่อให้เราเติบโต สะท้อนพระลักษณะพระเจ้ามากขึ้นวันต่อวันซึ่งนั่นเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตคริสเตียนทุกคน
เอเฟซัส 1:23 คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์ ซึ่งเป็นความบริบูรณ์ของพระองค์ ผู้ทรงเติมทุกอย่างในทุกแห่งให้เต็มบริบูรณ์
1 โครินธ์ 12:27 ส่วนท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายนั้น
คริสตจักรคืออะไร และเกี่ยวข้องกับเราอย่างไร
คำว่าคริสตจักรมาจากภาษากรีกซึ่งใช้คำว่า ἐκκλησία (Ekklesia/Ecclesia) หมายถึง ผู้ที่ถูกเรียกให้ออกมาเพื่อเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า หรือชุมชนของพระคริสต์
“คริสตจักรไม่ใช่ตัวอาคาร” แต่หมายถึง ชุมชนผู้ที่กลับใจบังเกิดใหม่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริงที่ตั้งใจมาอยู่ร่วมกันเพื่อดำเนินชีวิตตามพระประสงค์พระเจ้าโดยมีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง
เมื่อมีคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์มารวมตัวกันมากขึ้นในที่แห่งเดียวกันในชุมชนนั้นๆ เราเรียกว่า คริสตจักรท้องถิ่น (Local Church) และในภาพกว้างที่สุดคือชุมชนของผู้เชื่อทุกยุคทุกสมัยเป็นหนึ่งเดียวกันเรียกว่า คริสตจักรสากล (Universal Church)
ในมุมปฏิบัติ คริสตจักรท้องถิ่นมีความสำคัญมากต่อผู้เชื่อ เพราะเป็นที่เปิดเผยแผนการของพระเจ้าทั้งส่วนตัวและส่วนรวม เป็นที่ที่สร้างชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรา และเป็นที่ที่เราได้รับใช้ร่วมกับพี่น้องในพระกายของพระคริสต์ ส่วนคริสตจักรสากลเป็นคริสตจักรที่เราเป็นหนึ่งในนั้นอยู่แล้วเมื่อเราเชื่อวางใจในพระเจ้า
คริสตจักรเป็นชุมชนแห่งพระพรต่อเราอย่างไร
เราจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพระเจ้า
พระเจ้าเปรียบเราเหมือนแกะของพระองค์ซึ่งอยู่ร่วมกันเป็นฝูง จำเป็นต้องมีผู้เลี้ยง พระเยซูทรงเป็นผู้เลี้ยงของเรา แต่พระองค์ทรงฝากแกะของพระองค์ให้คริสตจักรดูแลเป็นชั้นๆ ด้วย และการที่เราจะมีผู้เลี้ยงได้ เราจำเป็นต้องผูกพันตัวในครอบครัวฝ่ายวิญญาณคือคริสตจักรเสียก่อน เพื่ออนุญาตให้ผู้เลี้ยงสามารถแนะนำเอาใจใส่ฝ่ายวิญญาณของเราได้
การเข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์และกลุ่มสร้างชีวิต (LG) ตามบ้าน เป็นประจำทุกสัปดาห์จะช่วยให้เราเติบโตฝ่ายวิญญาณมากขึ้น
พระเยซูทรงประทานสิทธิอำนาจแก่สาวกเพื่อประกาศและสร้างสาวก ดูแลงานในพระมหาบัญชา
มัทธิว 28:18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
ฮีบรู 13:17 จงนบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน จงให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์แก่พวกท่านเลย
ขณะเดียวกัน อ.เปโตรให้ข้อคิดในการดูแลแกะของพระเจ้าว่าให้ทำด้วยความเต็มใจ เป็นแบบอย่างชีวิต ไม่ใช่ดูแลแบบเจ้านายสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา
1 เปโตร 5:2-4 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน โดยเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาปรากฏ พวกท่านจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันร่วงโรย
เราได้รับการพัฒนาชีวิตให้เติบโตเป็นเหมือนพระเยซู
เอเฟซัส 4:12-13 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น 13จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า บรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ คือโตเต็มถึงขนาดความบริบูรณ์ของพระคริสต์
ลักษณะชีวิตของเราจะถูกพัฒนาขึ้นมา ก็ต่อเมื่อเราร่วมผูกพันตัวอยู่ในคริสตจักร และ มีความสัมพันธ์อย่างถูกต้องกับพี่น้องคนอื่นๆ ที่อยู่ในคริสตจักร ซึ่งพระเจ้าใช้พี่น้องในคริสตจักรให้เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะพัฒนาและปรับปรุงชีวิตของเราซึ่งกัน และกันให้เติบโต เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์มากขึ้น
การรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราเกิดการพัฒนาชีวิตได้อย่างดีเยี่ยมด้วย
ได้รับการปกป้องให้พ้นจากคำสอนผิด
ในโลกความเป็นจริง เรายังพบคำสอนผิดหรือคำสอนประเภทบิดเบือนอยู่มากมาย ยิ่งในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดน เรายิ่งพบคำสอนผิดได้ง่าย ฉะนั้นการที่เราอยู่ในคริสตจักร และร่วมผูกพันตัวจะทำให้เราได้รับการสอนอย่างถูกต้องในหลักการพระคัมภีร์ เพื่อเราจะมั่นคงในความเชื่อจนเราเราสามารถแยกแยะคำสอนที่ถูกผิดได้
กิจการของอัครทูต 20:29 ข้าพเจ้าทราบอยู่แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้วจะมีพวกสุนัขป่าที่ดุร้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้เลย
คริสตจักรจะช่วยเราป้องกันคำสอนผิดที่จะอาจทำลายความเชื่อที่ถูกต้องของเราได้
เอเฟซัส 4:14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ ตามอุบายที่ฉลาดในการล่อลวง
ได้มีความสัมพันธ์กับพี่น้องอย่างลึกซึ้ง
พระคัมภีร์ให้ภาพของชีวิตในชุมชนไว้มากมาย เช่น
- มีส่วนในการรับใช้
โรม 12:4-5 เพราะว่าในร่างกายเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร เราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันอย่างนั้น
- รักกันและกัน
1 ยอห์น 4:7 ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรารักกันและกัน เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่รักก็เกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า
- ต้อนรับกันและกัน
โรม 15:7เพราะฉะนั้นจงต้อนรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสต์ได้ทรงต้อนรับท่าน เพื่อพระเกียรติของพระเจ้า
- หนุนใจกันและกัน
ฮีบรู 3:13 แต่จงหนุนใจกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกกันว่า “วันนี้” เพื่อจะไม่มีใครในพวกท่านมีใจดื้อรั้นไป เพราะการล่อลวงของบาป
- ช่วยเหลือกัน
ฮีบรู 13:16 อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
- อดทนและให้อภัยกันและกัน
โคโลสี 3:13 จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย
เอเฟซัส 4:32 แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์
- เรียนรู้จักการขอโทษคืนดีกัน
ยากอบ 5:16 เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล
ปัจจุบันสไตล์ของคริสตจักรถูกพัฒนาขึ้นมาก จากรูปแบบอนุรักษ์นิยมไปสู่รูปแบบที่ร่วมสมัย มีการใช้สื่อและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา เรามีการถ่ายทอดรอบนมัสการวันอาทิตย์ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งอาจช่วยได้บ้างในบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตามโบสถ์ออนไลน์ไม่สามารถทดแทนการมาคริสตจักรได้เพราะหลายอย่างอาจไม่ได้ตอบโจทย์การเสริมสร้างชีวิตของกันและกันในชุมชนคริสตจักรได้
“คริสตจักรไม่ใช่ตัวอาคาร” แต่หมายถึง ชุมชนผู้ที่กลับใจบังเกิดใหม่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริงที่ตั้งใจมาอยู่ร่วมกันเพื่อดำเนินชีวิตตามพระประสงค์พระเจ้าโดยมีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง
ข้อมูลอ้างอิง
- ริค วอร์เรน. คริสตจักรที่เคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์. กรุงเทพฯ: สถาบันคริสเตียนศึกษาและพัฒนาคริสตจักร.
- Kevin J. Conner. The Church in the New Testament. England: Sovereign World International. 1982.
- What should we look for in choosing a church home? [Available on]
- Stephen Altrogge. 6 Ways the Bible Tells Us What Church Should Look Like. [Available on]